Bee product หรือผลิตภัณฑ์ผึ้ง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ Royal Jelly ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเรา เนื่องจากมันประกอบไปด้วยสารอาหารมากมาย ที่ได้มาจากผึ้ง ฉะนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Royal Jelly กันว่า ทำไมใครหลาย ๆ คนถึงเลือกบริโภคอาหารเสริมชนิดนี้
Royal Jelly คืออะไร
Royal Jelly หรือนมผึ้ง เป็นสารคัดหลั่งจากผึ้ง โดยปกตินี้ผึ้งพยาบาลที่เป็นเพศเมียจะผลิตออกมา เพื่อใช้เลี้ยงตัวอ่อนของผึ้ง ถูกหลั่งจากต่อม hypopharynx และเลี้ยงตัวอ่อนทั้งหมดในรังผึ้ง โดยไม่คำนึงถึงเพศหรือวรรณะของผึ้ง เพราะปกติในสังคมของผึ้งจะมีการแบ่งเพศ แบ่งชั้นกัน ในระหว่างกระบวนการสร้างค้นหาราชินีผึ้งตัวใหม่ ผึ้งงานจะสร้างเซลล์ตัวอ่อนราชินีผึ้งแบบพิเศษออกมา ตัวอ่อนในเซลล์เหล่านี้จะได้รับ Royal Jelly ในปริมาณมาก การให้เซลล์ตัวอ่อนของว่าที่ราชินิผึ้งกิน Royal Jelly ก็เพื่อทำให้ ราชินีตอนโตมีความแข็ง สามารถวางไข่ได้จำนวนมาก เพื่อเป็นสืบเผาพันธุ์
Royal Jelly จัดว่าเป็นยอดอาหารเลยทีเดียว โดยประกอบไปด้วย น้ำ 67% โปรตีน 12.5% น้ำตาลเชโมเลกุลเดี่ยว หรือโมโนแซ็กคาไรด์ 11% กรดไขมัน 6% และกรด 10-ไฮดรอกซี-2-ดีซิโนอิก หรือ10-HDA 3.5% นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุ สารที่ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียและมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะ, กรด pantothenics หรือ วิตามิน B5 ไพริดอกซิ หรือวิตามิน B6 และวิตามินซี
ประโยชน์ของ Royal Jelly
– ต่อต้านสารอนุมูลอิสระและต่อต้านการอักเสบ
Royal Jelly ช่วยลดการอักเสบและความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ กรดอะมิโนจำเพาะ กรดไขมัน และสารประกอบฟีนอลิกที่พบใน Royal Jelly มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาหลายชิ้น ยังแสดงให้เห็นถึงระดับสารเคมีที่ลดลง ซึ่งเป็นสารเคมีที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ถูกปล่อยออกมาจากเซลล์ภูมิคุ้มกันที่รับการรักษาด้วย Royal Jelly
– ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
มีการศึกษาทั้งสัตว์และมนุษย์แสดงให้เห็นว่า Royal Jelly ส่งผลดีต่อระดับคอเลสเตอรอล และด้วยเหตุนี้มันยังสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ มีการศึกษาที่น่าสนใจชิ้นนึง ซึ่งเป็นการทดลองระยะยาวสัปดาห์ 12 ในกระต่าย พบว่ากระต่ายที่บริโภคอาหารเสริม Royal Jelly สามารถลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีลงได้ 23% ถึง28% ในทำนองเดียวกันมีการศึกษาในมนุษย์เป็นเวลา 1 เดือน พบว่าการบริโภค Royal Jelly มีระดับคอเลสเตอรอล LDL โดยรวมลดลง 4% ถึง 11%
– ช่วยรักษาบาดแผลและซ่อมแซมผิวหนัง
Royal Jelly ช่วยรักษาบาดแผลและอาการผิวอักเสบอื่น ๆ เป็นที่ทราบกันดีว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสามารถรักษาบาดแผลให้สะอาดและปราศจากการติดเชื้อ จากการศึกษาในสัตว์ทดลอง พบว่ามีการผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้นในหนู ที่ได้รับสารสกัดจาก Royal Jelly ซึ่งคอลลาเจนเป็นโปรตีนโครงสร้างที่สำคัญสำหรับการซ่อมแซมผิว ซึ่งจากการทดลองนี้แสดงให้เห็นถึง ความสามารถในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในเซลล์ของมนุษย์ที่ได้รับ Royal Jelly อีกด้วย
– อาจช่วยลดความดันโลหิตได้
Royal Jelly ปกป้องหัวใจและพัฒนาระบบไหลเวียนโลหิต ด้วยการไปลดความดันโลหิต มีการศึกษาหลายชิ้นระบุว่า โปรตีนจำเพาะใน Royal Jelly ช่วยคลายเซลล์กล้ามเนื้อเรียบในเส้นเลือดและหลอดเลือดแดงของมนุษย์ได้ ซึ่งจะช่วยลดความดันโลหิตได้
– ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด
Royal Jelly ช่วยปรับปรุงการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความไวต่ออินซูลิน โดยการลดความเครียดและการอักเสบจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน มีการศึกษาหลายชิ้นแสดงในสัตว์ทดลอง แสดงให้เห็นถึงความไวของอินซูลินที่เพิ่มขึ้น และระดับการป้องกันตับอ่อน ตับ และเนื้อเยื่อสืบพันธุ์ในหนูที่เป็นโรคอ้วนและเป็นเบาหวาน ทำงานแบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อได้รับการบริโภค Royal Jelly และการศึกษาข้างต้นได้รับการยืนยันเพิ่มเติมอีกด้วย เมื่อมีการศึกษาอีกชิ้นที่ทดลองในมนุษย์เป็นเวลา 6 เดือนชิ้นนึง แสดงให้เห็นว่าน้ำตาลในเลือดที่ช่วยควบคุมความอยากอาหารลดลง 20% ในคนที่ร่วมทำการทดลอง เมื่อบริโภค Royal Jelly ทุกวัน
– เสริมสร้างการทำงานของสมอง
Royal Jelly ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง มีการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า หนูที่มีความเครียด เมื่อได้รับ Royal Jelly ปรากฏว่ามีระดับฮอร์โมนความเครียดต่ำลง ระบบประสาทส่วนกลางแข็งแรงขึ้น มีความจำดีขึ้นและอาการซึมเศร้าลดลง โดยผลสรุปของการศึกษาให้เหตุผลว่า Royal Jelly มีผลในการป้องกันสมองและเนื้อเยื่อประสาท ทำให้ความสามารถในการป้องกันสารอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น
– เพิ่มการสารหล่อลื่นในตาและช่วยรักษาอาการตาแห้งเรื้อรัง
Royal Jelly อาจรักษาอาการตาแห้งเมื่อรับประทาน มีการศึกษาในมนุษย์พบว่าอาการตาแห้งเรื้อรังดีขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับการรักษาด้วย Royal Jelly ผลการวิจัยพบว่า Royal Jelly ที่ได้จากผึ้งนี้ เพิ่มการหลั่งของน้ำตาจากต่อมน้ำตาภายในดวงตาของเรา อีกทั้งตลอดการศึกษาไม่มีการรายงานผลข้างเคียงในมนุษย์ ดังนั้น Royal Jelly จึงเป็นวิธีรักษาอาการตาแห้งเรื้อรังที่มีความเสี่ยงต่ำ
– ช่วยลดริ้วรอยที่สามารถเกิดขึ้นได้
Royal Jelly ช่วยชะลอกระบวนที่ก่อให้เกิดริ้วรอยได้ บางครั้ง Royal Jelly ก็รวมอยู่ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเฉพาะ เพื่อสนับสนุนการบำรุงสุขภาพผิวที่ดูอ่อนเยาว์ มีงานวิจัยในสัตว์ทดลองระบุว่า Royal Jelly สนับสนุนการผลิตคอลลาเจนให้เพิ่มขึ้น และป้องกันความเสียหายของผิวหนังหลังจากการได้รับรังสียูวี
– ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น
Royal Jelly ช่วยเพิ่มการตอบสนองภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของร่างกาย ด้วยการต่อแบคทีเรียและไวรัสที่เข้าสู่ร่างกายจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นทางผิวหนัง หรือทางจมูก เนื่องจากกรดไขมันใน Royal Jelly เป็นที่รู้จักกันว่าส่งเสริมฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ซึ่งสามารถลดโอกาสของการติดเชื้อและสนับสนุนการทำงานของภูมิคุ้มกันได้
– ช่วยลดผลข้างเคียงของการรักษามะเร็ง
การทำเคมีบำบัดและการรักษามะเร็งด้วยวิธีอื่นๆมักมีผลข้างเคียงที่สำคัญเช่นภาวะหัวใจล้มเหลวการอักเสบและปัญหาทางเดินอาหาร Royal Jelly ช่วยลดผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งได้ การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า ความเสียหายของหัวใจที่เกิดจากเคมีบำบัดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อมีการบริโภค Royal Jelly
– รักษาอาการของวัยหมดประจำเดือน
Royal Jelly ช่วยรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับวัยหมดประจำเดือนได้ วัยหมดประจำเดือนทำให้ฮอร์โมนหมุนเวียนลดลง ซึ่งสัมพันธ์กับผลข้างเคียงทางร่างกายและจิตใจ เช่น ความเจ็บปวด ความจำเสื่อม ภาวะซึมเศร้า และความวิตกกังวล มีการศึกษาชิ้นหนึ่งที่มีความน่าสนใจพบว่า Royal Jelly มีประสิทธิภาพในการลดภาวะซึมเศร้าและเพิ่มความจำในหนูวัยหมดประจำเดือนได้ และการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์ ในสตรีวัยหมดประจำเดือน 42 ราย พบว่าการบริโภค Royal Jelly 800 มิลลิกรัม เป็นเวลา 12 สัปดาห์ทุกวัน มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดหลังและความวิตกกังวล
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม Royal Jelly
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Royal Jelly ถูกทำมาให้รับประทานได้ง่ายที่สุด ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของยาเม็ดและ Soft Gel ทำมาจาก Royal Jelly ที่แช่เยือกแข็ง และสามารถเก็บรักษาไว้ได้ที่อุณหภูมิห้อง ในการเลือกซื้อ Royal Jelly ที่ปลอดภัยนั้น ควรได้รับการรองรับจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือได้ เช่น U.S. Pharmacopeia (USP), NSF International หรือ ConsumerLab แต่ทว่าการรับรองไม่ได้หมายความว่าผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพ แต่คือการที่มีส่วนประกอบที่ระบุไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน และไม่สร้างความสับสนแก่ผู้บริโภค เพื่อทำให้ผู้บริโภคสบายใจว่า ฉะนั้นผู้บริโภคต้องมีความรู้ในเรื่องของ Royal Jelly ในระดับนึงก่อนแล้ว
บางครั้งในการผลิต Royal Jelly จะมีการใส่ส่วนผสมอื่น ๆ ร่วมเข้ามาด้วย ในการอ่านฉลากผลิตภัณฑ์เพื่อดูว่ามีส่วนผสมใดบ้าง หากเราไม่ทราบว่าส่วนผสมคืออะไร ให้สอบถามจากเภสัชกรหรือผู้ให้บริการด้านการอาหารเสริม เพื่อให้เราได้ทราบถึงข้อมูลอย่างเข้าใจและถ่องแท้ โดยให้เลือกแบรนด์ออร์แกนิกมากกว่าแบรนด์ที่ไม่ออร์แกนิก นอกจากนี้หากใครที่เป็นมังสวิรัติ ต้องแน่ใจว่าเจลแคปซูลของ Royal Jelly ที่เราเลือกไม่มีเจลาตินจากสัตว์
ปริมาณการใช้และข้อควรระวังจาก Royal Jelly
Royal Jelly ถือว่าปลอดภัย จากการศึกษาพบว่าคนทั่วไปได้รับ Royal Jelly ในปริมาณที่สูงถึง 3,000มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งปริมาณที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วง 300-6,000 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ปลอดภัย และร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า Royal Jelly ทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคน ตั้งแต่อาการแพ้ทางจมูกที่ไม่รุนแรง ไปจนถึงภาวะภูมิแพ้ที่อาจจะถึงชีวิต หากผู้บริโภค บริโภค Royal Jelly แล้วเกิดอาการแพ้ เราสามารถสันนิษฐานได้ว่า Royal Jelly ดังกล่าว มีส่วนผสมอื่น ๆ ที่มักเสริมเติมแต่งลงในอาหารเสริมไปด้วย ได้แก่ เกสรผึ้งและเกสรดอกไม้
Royal Jelly อาจชะลอการแข็งตัวของเลือด และทำให้ผลของยาที่ป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือด ออกฤทธิ์รุนแรงขึ้น เช่น ยาวาร์ฟาริน นำไปสู่การเกิดรอยฟกช้ำและเลือดออกง่าย หากเราใช้ Royal Jelly อย่างต่อเนื่อง แล้วต้องมีการเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดการใช้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่องจาก หากเราต่อเนื่องการใช้อยู่ จะสามารถไปสู่การฟื้นตัวของบาดแผลที่ช้า
Royal Jelly อาจมีปฏิกิริยากับยาลดความดันโลหิตที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูง อาจทำให้ความดันโลหิตลดลงอย่างผิดปกติหรือมีความดันเลือดต่ำ ดังนั้นเราควรแจ้งแพทย์ประจำตัวรับรู้ว่าเรากำลังบริโภค Royal Jelly อยู่ อีกทั้งหากเรากำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ให้ปรึกษากับสูตินรีแพทย์ก่อนรับประทานอาหารเสริม Royal Jelly
สรุป
เราสามารถสรุปได้เลยว่า Royal Jelly เป็นอาหารเสริมทางเลือกที่ให้ประโยชน์แก่เรามากมาย อีกทั้งยังเป็นอาหารเสริมที่มาจากธรรมชาติ และเราสามารถเลือกรับประทานหรือไม่ก็ได้ ทว่าการรับประทานนั้นก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ เนื่องจากบางคนอาจจะเกิดอาการแพ้ได้ ฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจบริโภค เราต้องทำการสำรวจตัวเอง ทางที่ดีคือควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อน
อ้างอิง
Ansley Hill. 2018. 12 Potential Health Benefits of Royal Jelly. Available at: https://www.healthline.com/nutrition/royal-jelly
Cathy Wong. 2021. What Is Royal Jelly. Available at: https://www.verywellhealth.com/the-benefits-of-royal-jelly-89507