Melatonin (เมลาโทนิน) คือตัวช่วยที่ทำให้คนนอนไม่หลับได้พบกับทางออก เป็นนาฬิกาชีวิต เชื่อว่าใครหลายคนคงเคยได้ยินสารขนิดนี้ โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่มีความเครียดสะสมจนขาดเมทาโลนินในร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถหาซื้อเมลาโทนินได้ง่ายมาก ตามร้านสะดวกซื้อหรือร้านขายยา ฉะนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาดูความสำคัญของเมลาโทนินกัน
เมลาโทนินคืออะไร
Melatonin สร้างจากต่อมไพเนียลที่อยู่ในสมอง เป็นฮอร์โมนชนิดนึงที่ปล่อยออกมาตอนกลางคืน จะเกี่ยวข้องกับการนอนหลับและการตื่นนอน โดยเมลาโทนินจะหลั่งเข้าสู่กระแสเลือดของเราเป็นเวลา 12 ชั่วโมงแล้วจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและเวลา 9 โมงเช้า พบว่าระดับเมลาโทนินในเลือดต่ำมากจนไม่สามารถวัดค่าได้เลย ส่วนเวลาเที่ยงคืนถึง 8 โมงเช้า ระดับเมลาโทนินในเลือดจะสูงมาก ซึ่งจุดประสงค์การใช้เมลาโทนินก็เพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับในระยะสั้น เช่น อาการ Jet lag จากการเดินทางต่างประเทศหรือการทำงานเป็นกะที่ทำให้เวลาการนอนไม่แน่นอน ในสหภาพยุโรปมีการระบุการใช้เมลาโทนินไว้รักษาอาการนอนไม่หลับในเด็กอายุ 2-18 ปีที่มีอาการออทิสติกและกลุ่มอาการสมิธมาเจนิสซินโดรม ซึ่งเป็นความพิการทางสติปัญญาอย่างนึง ในการรักษาอาการนอนไม่หลับ เดิมทีจะใช้ยาที่มีชื่อว่า Clonazepam แต่ในปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นเมลาโทนินเนื่องจากปลอดภัยกว่า ให้ผลกระทบที่น้อยกว่า
เมลาโทนินยังถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพและเป็นสารกำจัดอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดีบางครั้งก็จะทำงานร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระประเภทอื่นๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นโดยให้ผลที่ดีกว่าวิตามินอีถึง 2 เท่า เพราะช่วยส่งเสริมเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระได้ เช่น กลูตาไธโอนเปอร์ออกซิเดส คาตาเลส และดิสมิวเตส เมลาโทนินจะเกิดขึ้นเมื่อของเหลวภายในไมโทคอนเดรียสูง ส่งผลให้ความเข้มข้นของพลาสมาในเมลาโทนินสูงตามไปด้วย จากนั้นจะเกิดปฏิกิริยาเมลาโทนินกับสปีชีส์ออกซิเจนหรือสปีชีส์ไนโตรเจน ทำให้ลดอนุมูลอิสระ ลดปฏิกิริยารีด็อกซ์ ทำให้เราหลับสบายขึ้นนั่นเอง
เมลาโทนินช่วยอะไร
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเมลาโทนินช่วยในเรื่องการพักผ่อนและการนอนหลับ จนได้ชื่อว่าเป็นฮอร์โมนแห่งการนอนหลับ ซึ่งแพทย์ก็ได้แนะนำว่าควรรับประทานเมลาโทนินก่อนนอนประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อแก้ไขโรคนอนไม่หลับ นอกจากนี้ประโยชน์ของเมลาโทนินยังมีอย่างอื่นอีก
- ช่วยเพิ่มฮอร์โมนการเจริญเติบโตหรือ Growth Hormone (HGH) โดยมีการศึกษาพบว่าการเพิ่มขึ้นของ Growth Hormone มีความสัมพันธ์กับความสูงและมวลกล้ามเนื้อในร่างกาย
- สามารถทำให้ประสิทธิภาพการมองเห็นดีขึ้น เพราะเมลาโทนินมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ทำให้สุขภาพตาของเราดีขึ้น และนอกเหนือจากนี้เมลาโทนินยังช่วยในการรักษาโรคต้อหินและเสื่อมสภาพของอายุตาด้วย
- ช่วยบรรเทาอาการโรคกรดไหลย้อนได้ เพราะป้องกันการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร ลดการผลิตกรดไนตริกออกไซด์ ซึ่งเป็นสารที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหูรูดบริเวณกลอดอาหาร ทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปสู่หลอดอาหารได้
- ช่วยป้องกันความผิดปกติทางด้านอารมณ์หรือภาวะซึมเศร้าได้ เพราะเมลาโทนินสามารถควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจได้ ซึ่งภาวะซึมเศร้ามีหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงจังหวะการเต้นของหัวใจ
ผลข้างเคียงของเมลาโทนิน
ถึงแม้ว่าจะมีงานวิจัยออกมายืนยันถึงการใช้เมลาโทนินว่าปลอดภัยและเราสามารถใช้ได้ทั้งในระยะยาวและระยะสั้นแต่เนื่องจากปกติร่างกายของเราสามารถผลิตเมลาโทนินตามธรรมชาติได้เองมีข้อกังขาที่กำลังถกเถียงกันอยู่ไม่น้อยว่าการรับประทานอาหารเสริมที่มีเมลาโทนินจะไปทำให้ร่างกายลดความสามารถในการผลิตตามธรรมชาติได้ซึ่งก็มีการศึกษาเรื่องนี้และมีการยืนยันข้อมูลว่าอาจจะเกิดขึ้นจริงได้
อย่างไรก็ตามการศึกษาการใช้เมลาโทนินนั้นในระยะยาวเหมาะสำหรับผู้ใหญ่เพราะมีงานวิจัยออกมายืนยันแล้วและไม่แนะนำสำหรับเด็กหรือวัยรุ่นผลข้างเคียงที่ได้รับรายงานมากที่สุดจากการใช้เมลาโทนินคืออาการคลื่นไส้เวียนหัวปวดศีรษะง่วงนอนและถ้าหากใครที่กำลังใช้ยาบางชนิดอยู่เช่นยาคุมกำเนิดยากล่อมประสาทยาลดความดันโลหิตหรือยาที่เกี่ยวกับระบบเลือดควรมีการปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนตัดสินใจบริโภคอาหารเสริมที่มีเมลาโทนินร่วมด้วย
ปริมาณการใช้เมลาโทนินที่เหมาะสม
ในปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดปริมาณเมลาโทนินที่ตายตัวสำหรับคนทั่วไป เพราะการใช้จริง ๆ ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก เพศ และความไวต่อปฏิกิริยาของร่างกาย แม้ว่าเมลาโทนินจะเป็นฮอร์โมนที่ผลิตได้เองโดยร่างกายของเรา การใช้เมลาโทนินในระดับ overdose หรือมากจนเกินไป ก็ไม่ควรทำ เพราะจะไปรบกวนจังหวะชีวิตของเรา นั่นก็คือการตื่นนอน การหลับพักผ่อน ซึ่งในทางการแพทย์มีการกำหนดปริมาณคร่าว ๆ ของเมลาโทนินที่เราควรรู้คือ
- สำหรับเด็กควรได้ปริมาณ 1-5 มิลลิกรัมต่อวันเท่านั้น ห้ามบริโภคเกินกว่านี้
- สำหรับผู้ใหญ่สามารถได้รับถึงปริมาณ 1-10 มิลลิกรัม แต่หากบริโภคไปสูงถึง 30 มิลลิกรัม ก็ทำให้เกิดอันตรายได้
ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเราควรได้รับจากปริมาณน้อย ๆ ก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มปริมาณไปทีละนิด เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวได้ ในทางเภสัชวิทยาแนะนำว่าปริมาณเริ่มต้นที่เราควรได้รับก่อนคือ 0.2-5 มิลลิกรัมต่อวัน และปริมาณการเพิ่มแต่ละครั้งควรจะอยู่ในหลักทศนิยม
เมลาโทนินในอาหารเสริมตามท้องตลาดพบว่ามีปริมาณเมลาโทนินที่สูงเกินไป ฉะนั้นทุกครั้งที่เราต้องการบริโภคเมลาโทนินแคปซูลต้องศึกษาฉลากและอ่านทำความเข้าใจอย่างถี่ถ้วนก่อน เพราะการได้รับในปริมาณมาก ๆ ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด
สรุป
เราสามารถสรุปได้เลยว่าเมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่สำคัญต่อร่างกายเราอย่างมาก เป็นฮอร์โมนแห่งนาฬิกาชีวิตที่ทำให้ร่างกายของเราสามารถพักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ เช่น ดีต่อสุขภาพตาของเรา บรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้ เป็นต้น ซึ่งหากใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ เมลาโทนินก็เป็นทางเลือกที่ดีได้ แต่เราต้องศึกษาปริมาณที่เราควรได้รับต่อวัน เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดและหลีกเลี่ยงโทษที่จะเกิดขึ้นได้นั่นเอง