วิตามินซียี่ห้อไหนดี

วิตามินซียี่ห้อไหนดี

วิตามินซีเป็นวิตามินจำเป็นที่เราต้องได้รับเป็นประจำในทุก ๆ วัน เนื่องจากวิตามินชนิดนี้ถูกใช้เป็นสารตั้งต้นมากมายในร่างกายของเรา และเกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งเสริมการเจริญเติบโตในร่างกายหลายด้าน อีกทั้งวิตามินยังเป็นตัวช่วยส่งเสริมการดักจับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่อาจจะเข้ามาเป็นตัวการทำให้ร่างกายของเราเกิดการเจ็บป่วยได้อีกด้วย ปริมาณวิตามินซีที่แนะนำต่อวันสำหรับคนส่วนใหญ่คือ 75–90 มิลลิกรัม โดยปกติแล้วลำไส้เล็กจะดูดซึมวิตามินซีได้ถึง 100 มิลลิกรัมจากอาหารต่อวัน และจะไม่มีการดูดซึมเพิ่มอีกหากดูดซึมครบ 100 มิลลิกรัม แต่อย่างไรก็ตามหากเราได้รับวิตามินซีปริมาณมากกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ท้องเสีย คลื่นไส้ และปวดท้อง ทว่าผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นเป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อยมาก ๆ จากการสำรวจทางการแพทย์แทบจะไม่มีผู้ที่ได้รับอันตรายจากการใช้วิตามินซีเกินขนาดเลย หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ไม่เจอก็เพราะว่าร่างกายของเราสามารถขับส่วนเกินที่หลงเหลือจากการใช้ออกมาได้ทางปัสสาวะ นปัจจุบันมีแบรนด์วิตามินวางขายมากมายตามท้องตลาด วิตามินซีมีหลายรูปแบบมากที่เป็นอาหารเสริม โดยทั่วไปมักจะมาในรูปของกรดแอสคอร์บิก เป็นอนุพันธ์ของวิตามินซีย่อยที่ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแล้วเอาไปใช้ได้เลย โดยที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยซ้ำ อย่างไรก็ตามอาหารเสริมบางชนิดจะมีการใส่วิตามินซีในรูปแบบอื่น ๆ เข้ามา เช่น โซเดียมแอสคอร์เบต แคลเซียมแอสคอร์เบต หรือกรดแอสคอร์บิกที่มีไบโอฟลาโวนอยด์ซึ่งเราสามารถรับประทานวิตามินซีได้หลายแบบมาก ไม่ว่าจะเป็นแคปซูล กัมมี่เคี้ยวหนึบ เม็ดฟู่ ผงชงดื่ม สารฉีดเข้าเส้นเลือด เซรั่มวิตามินซี หรือสเปรย์ฉีดที่ซึมเข้าสู่ผิวหนัง ซึ่งบรรจุภัณฑ์ของตัววิตามินเองก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน หากเราต้องการจะเลือกซื้อวิตามินในรูปแบบต่าง ๆ บรรจุภัณฑ์ในแต่ละยี่ห้อควรจะมีลักษณะที่ทึบแสง เนื่องจากตัวโครงสร้างของวิตามินซีมีความไวต่อแสงมาก แค่แสงเพียงนิดเดียว มันก็ทำให้วิตามินสามารถสลายหายไปได้ ซึ่งเท่ากับว่าหากเราซื้อบรรจุภัณฑ์วิตามินซีที่ไม่ทึบแสง มีความโปร่งใส […]

วิตามินซีเด็ก

วิตามินซีสำหรับเด็ก

วิตามินมีความสำคัญต่อเราอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก วิตามินซีช่วยสร้างและซ่อมแซมเซลล์เม็ดเลือดแดง กระดูก และเนื้อเยื่อ ช่วยให้เหงือกของเด็กเล็กมีสุขภาพที่แข็งแรง เสริมสร้างหลอดเลือด ลดรอยฟกช้ำจากการหกล้มและรอยถลอก นอกจากนี้วิตามินซียังช่วยรักษาบาดแผลและสมานแผล เพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อ และช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากแหล่งอาหารได้ เราจะเห็นแล้วสิ่งเหล่านี้ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการในการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นและมากขึ้น  ปริมาณการได้รับวิตามินซีที่ควรได้รับในวัยเด็ก ปริมาณการได้รับวิตามินซีในเด็กจะไม่มากเท่ากับผู้ใหญ่ เนื่องจากการดูดซึมของร่างกายทำได้น้อยกว่า อีกทั้งเด็กยังมีระบบร่างกายที่เจริญไม่เต็มที่ จากคำแนะนำของแพทย์ได้กล่าวไว้ว่า เด็กที่อายุ 1 ถึง 3 ปี ควรได้รับวิตามินซีปริมาณ 15 มิลลิกรัมทุกวัน อายุ 4 ถึง 8 ปี ควรได้รับวิตามินซีปริมาณ 25 มิลลิกรัมต่อวัน ด้วยปริมาณเท่านี้ทำให้เด็กสามารถได้รับวิตามินจากอาหารทั่วไปได้ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ตระกูลซิตรัส อย่างส้ม แอปเปิ้ล และฝรั่ง ในเด็กที่มีปัญหาด้านการกิจจุ ไม่กินผักและผลไม้มากอาจได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอ เพราะมีการสำรวจออกมาแล้วว่าเด็กที่กินจุ ตามมาด้วยปัญหาโรคอ้วนเนื่องจากได้รับอาหารจำพวกแป้งมากเกินไป นอกจากนี้เด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่พ่อแม่สูบบุหรี่ยังมีแนวโน้มขาดวิตามินซีอีกด้วย ควันบุหรี่เป็นตัวการทำลายการสร้างวิตามินซีในร่างกายของมนุษย์ ฉะนั้นเด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมดังกล่าวควรต้องการวิตามินซีที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อซ่อมแซมความเสียหายของเซลล์จากบุหรี่ แต่ในทางที่ดีคือหากต้องการให้ลูกของเราได้รับปริมาณวิตามินซีที่เพียงพอ ก็ไม่ควรสูบบุหรี่ใกล้ลูก  การที่ได้รับวิตามินซีในวัยเด็กมากเกินไปส่งผลอย่างไรกับร่างกาย การได้รับวิตามินซีที่มากเกินไปในเด็กนั้นสามารถเกินขึ้นได้เช่นเดียว แต่ไม่ได้ส่งผลร้ายแรงต่อร่างกาย แต่อย่างใด จะส่งผลทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องร่วง […]

วิตามินซีช่วยอะไร

วิตามินช่วยอะไร

การรับประทานวิตามินซีคือสิ่งพื้นฐานที่เราจำเป็นต้องทำ เนื่องจากวิตามินซีเป็นวิตามินจำเป็นที่ร่างกายของเราไม่สามารถสังเคราะห์ได้ อีกทั้งยังวิตามินซียังเป็นสารตั้งต้นให้กระบวนการต่าง ๆ ที่สำคัญในร่างกายมากมาย ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่าวิตามินซีช่วยอะไรบ้าง  1. ช่วยรักษาบาดแผล วิตามินซีช่วยให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนที่มีอยู่ในผิวหนังกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออื่นๆมากขึ้นผู้ที่รับประทานวิตามินซีในปริมาณน้อยอาจพบว่าการรักษาบาดตัวของแผลช้าลงเนื่องจากร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงฉะนั้นบุคลากรทางแพทย์จึงแนะนำให้ผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดใหญ่มารับประทานวิตามินซีเป็นประจำเพื่อให้บาดแผลมีการฟื้นฟูตัวที่เร็วมากขึ้น  2. ส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด วิตามินซีมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดอย่างมากเนื่องจากมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการขยายตัวของหลอดเลือด ส่งเสริมการผลิตไนตริกออกไซด์ในเลือด ช่วยเพิ่มความลื่นไหลของการหมุนเวียนเลือดจากหัวใจ และสามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงได้ 3. ช่วยรักษาต้อกระจกและการเสื่อมสภาพของตา วิตามินซีอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกและชะลอการลุกลามของต้อกระจกที่เกิดมาจากอายุที่มากขึ้นโดยการเกิดต้อกระจกตานั้นสามารถเกิดได้ด้วยความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันซึ่งวิตามินซีจะทำหน้าผลิตสารต้านอนุมูลอิสระและยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นทำให้สุขภาพดวงตาของเราดีขึ้น 4. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน มีการศึกษาพบว่าการรับประทานวิตามินซีเป็นเวลา 4 เดือนต่อเนื่องกัน ช่วยทำให้ระดับกลูโคสและความดันโลหิตในร่างกายดีขึ้น ซึ่งการศึกษานี้ชี้ชัดให้เราเห็นว่าวิตามินซีสามารถช่วยรักษาโรคเบาหวานได้  5. ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง วิตามินซีช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กดังนั้นแพทย์จึงแนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางรับประทานอาหารเสริมวิตามินซีซึ่งทำให้เพิ่มการดูดซึมของธาตุเหล็กในร่างกาย  6. ช่วยปกป้องเราจากมลพิษภายนอก มลพิษทางอากาศประกอบด้วยฝุ่นและสารเคมีต่างๆที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราอย่างมากทั้งในระยะสั้นและระยะยาวมีงานวิจัยออกมาว่าเมื่อเรารับประทานวิตามินซีเข้าไปวิตามินซีจะทำการต้านสารอนุมูลอิสระซึ่งสามารถช่วยลดอาการของโรคหอบหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังได้โดยทั้งสองโรคนี้มีสาเหตุเกิดมาจากมลพิษ 7. ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ อาการแพ้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันกระตุ้นการตอบสนองการอักเสบและนำไปสู่อาการต่างๆเช่นตัวบวมผื่นแดงผื่นคันและลมพิษเมื่อมีการระตุ้นเกิดขึ้นร่างกายจะผลิตสารชนิดนึงที่มีชื่อว่าสาร ROS ซึ่งสามารถนำไปสู่การเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ มีการศึกษาพบว่าผู้ที่มีอาการแพ้ทางผิวหนัง เมื่อได้รับการฉีดวิตามินซีทางหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่อง ความรุนแรงของอาการแพ้ลดลง ดังนั้นการศึกษาจึงสรุปว่าวิตามินซีช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ได้ 8. ช่วยรักษาอาการคลื่นไส้ได้  มีการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานวิตามินซีก่อนทำกิจกรรมที่ใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายเยอะไม่ว่าจะเป็นการกระโดดผาดโผนการขับรถความเร็วสูงช่วยทำให้ผู้รับประทานมีแนวโน้มการเกิดอาการคลื่นไส้น้อยลงกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานวิตามินซี 9. ช่วยส่งเสริมสุขภาพผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง  วิตามินซีช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนโดยปกติแล้วร่างกายของเราจำเป็นต้องพึ่งพาวิตามินซีในการสังเคราะห์คอลลาเจนและคอลลาเจนก็เป็นโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญแก่เนื้อเยื่อเกี่ยวพันเราสามารถพบคอลลาเจนได้บริเวณผิวเล็บและผมฉะนั้นการรับประทานวิตามินซีสามารถช่วยบำรุงผิวพรรณเล็บและผมได้นั่นเอง ntsvitamin ได้นำผลิตภัณฑ์วิตามินอาหารเสริมนำเข้าจากอเมริกา Puritan’s Pride Vitamin C-1000 mg with […]

วิตามินซี สร้างภูมิคุ้มกัน

วิตามินซีสร้างภูมิคุ้มกัน

วิตามินซีคือวิตามินที่มีประโยชน์กับร่างกายของเราเป็นอย่างมาก วิตามินซีรู้จักกันอีกชื่อว่ากรดแอสคอร์บิก ซึ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต การซ่อมแซมกระดูก การซ่อมแซมผิวหนัง และการซ่อมแซมเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน รวมไปถึงเส้นเอ็น และหลอดเลือด นอกจากนี้ยังจำเป็นสำหรับการทำงานของหลอดเลือด ช่วยทำให้หลอดเลือดทำงานเป็นปกติมากขึ้น วิตามินซียังช่วยรักษาสุขภาพฟันและเหงือกให้แข็งแรง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยให้แผลไหม้และสมานแผล  ยิ่งไปกว่านั้นวิตามินยังเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายโดยตรง ระบบภูมิคุ้มกันสำคัญกับร่างกายของเราอย่างมาก เปรียบเสมือนยามที่ช่วยปกป้องร่างกายของเราจากไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อโรคต่าง ๆ วิตามินซีเป็นเสมือนเชื้อเพลิงที่คอยเติมแก่ระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันยังสามารถทำงานต่อไปได้ วิตามินซีจะทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่เยอะมาก ๆ โดยสารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งเป็นต้นต้อของการผลิตสารอนุมูลอิสระ สารอนุมูลอิสระทำให้การทำงานของอวัยวะในร่างกายช้าลง เปรียบเสมือนสนิมที่มาเกาะเครื่องจักร ทำให้เครื่องจักรทำงานแบบไม่เต็มที่และฝืด ฉะนั้นการบริโภควิตามินซีจึงช่วยทำให้ระบบต่าง ๆ ของเราสามารถรันต่อไปได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด ในด้านการแพทย์จึงมีการแนะนำในเรื่องของปริมาณวิตามินซีขั้นต่ำที่เราจำเป็นต้องได้รับในแต่ละวัน โดยปริมาณวิตามินซีที่แนะนำสำหรับคนที่มีอายุ 19 ปีขึ้นไปคือ 90 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับผู้สูงอายุ 75 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร ปริมาณจะเพิ่มขึ้นเป็น 85 มิลลิกรัมต่อวันและ 120 มิลลิกรัมต่อวันตามลำดับ การสูบบุหรี่อาจทำให้ระดับวิตามินซีในร่างกายลดลงได้ ดังนั้นจึงแพทย์จึงแนะนำให้ผู้สูบบุหรี่ต้องได้รับวิตามินซีมากกว่า 100 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อชดเชยในส่วนที่นิโคตินในบุหรี่ลดประสิทธิภาพการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระลง แต่ทางที่ดีคืองดหรือลดการสูบบุหรี่ดีกว่า เพื่อสุขภาพทีดีแบบยาวนาน แหล่งของวิตามินซีมีมากมาย […]

วิตามินซีควรกินตอนไหน

เมื่อไหร่ที่ควรกินวิตามินซี

วิตามินซีเป็นวิตามินที่มีประโยชน์แก่เราอย่างมาก ซึ่งการบริโภควิตามินซีกลายมาเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนเลือกทำกัน เนื่องจากมันมีข้อดีหลายอย่างที่ส่งผลดีต่อร่างกาย วิตามินซีเป็นวิตามินที่สามารถละลายน้ำได้ ร่างกายจึงสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ง่ายมาก เนื่องจากมากกว่าครึ่งนึงของร่างกายของเราประกอบไปด้วยน้ำ อีกทั้งยังวิตามินซียังทำหน้าที่เป็นสารตั้งต้นที่สำคัญมากมายของร่างกาย ประโยชน์ของวิตามินซีเรียกได้ว่าเยอะมากมาย เรากินวิตามินซีเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันปลอดจากหวัด การขาดวิตามินซี การขาดวิตามินซีเกี่ยวข้องกับโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ติดสุรา ผู้สูบบุหรี่ และคนอ้วน และเนื่องจากวิตามินซีเป็นหนึ่งในสารอาหารที่ไวต่อความเครียด ระดับวิตามินซีที่ลดลงอาจกล่าวอย่างเป็นนัยสำคัยได้ว่าสุขภาพของเราย่ำแย่ลง วิตามินซียังช่วยให้เราต่อสู้กับโรคหวัด เมื่อพูดถึงโรคไข้หวัดแล้วมีการศึกษาแสดงให้เห็นว่า วิตามินซีไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันโรคหวัดจากไวรัสเท่านั้น แต่พวกมันยังทำหน้าที่ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นจากโรคหวัดได้ เช่น โรคปอดบวมและการติดเชื้อในปอด หรือว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง มีการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์บน American Journal of Clinical Nutrition พบว่าผู้ที่มีวิตามินซีในเลือดสูงมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคโรคหลอดเลือดสมองต่ำกว่ากลุ่มที่มีวิตามินซีในเลือดต่ำถึง 42%  ในทางโภชนาการนั้นได้แนะนำว่าทุกคนควรได้รับวิตามินซีอย่างน้อย 65-90 มิลลิกรัมต่อวันทุกวัน สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร ควรได้รับวิตามินซีอย่างงน้อยถึง 120 มิลลิกรัมต่อวันทุกวัน ร่างกายของเราไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นเราจำเป็นต้องได้รับวิตามินซีผ่านการบริโภค การรับประทานวิตามินซีที่ได้ผลมากที่สุดคือในตอนเช้า ก่อนอาหาร 30-45 นาที และควรดื่มน้ำตามเยอะ ๆ เนื่องจากวิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ ซึ่งจะดูดซึมได้ดีที่สุดเมื่อเราได้รับขณะท้องว่าง นั่นก็คือตอนเช้าหลังตื่นนอน  ถึงแม้ว่าการบริโภควิตามินซีจะส่งผลดีต่อร่างกายของเราอย่างมาก […]

ประโยชน์ของวิตามินซี

ประโยชน์ของวิตามินซี

วิตามินซีถือเป็นวิตามินพื้นฐานที่เราจำเป็นต้องได้รับในทุก ๆ วัน โดยวิตามินซีเป็นวิตามินที่สามารถละลายน้ำได้ นั่นหมายความว่าการดูดซึมของร่างกายจะง่ายตามไปด้วย ร่างกายของเราจำเป็นต้องพึ่งพาวิตามินซี ฉะนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับประโยชน์ของวิตามินซีกัน  1. ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังได้ วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของร่างกายได้สารต้านอนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่ช่วยเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทำได้โดยการปกป้องเซลล์จากโมเลกุลที่เป็นอันตรายที่หรือที่เราเรียกกันว่าสารอนุมูลอิสระการบริโภควิตามินซีที่มากขึ้นสามารถเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระในเลือดของเราได้ถึง 30% และยังช่วยให้ร่างของเราต่อต้านการอักเสบอีกด้วย 2. ช่วยขจัดโรคความดันโลหิตสูงได้ การเป็นโรคความดันโลหิตสูงทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตทั่วโลกมีการศึกษาพบว่าวิตามินซีช่วยลดความดันโลหิตได้  3. ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหัวใจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การเสียชีวิตของประชากรโลกเพิ่มมากขึ้นวิตามินซีอาจช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่ส่งเสริมการเป็นโรคหัวใจได้โดยจะไปลดระดับไตรกลีเซอไรด์ที่สูงหรือระดับคอเลสเตอรอล LDL ที่ไม่ดีให้ลดลงและเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล HDL ที่ดีให้สูงขึ้น เราควรกินวิตามินซีตอนไหน สามารถดูเพิ่มได้ที่นี่ 4. ลดระดับกรดยูริกในเลือดและช่วยป้องกันโรคเกาต์ได้ โรคเกาต์เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นมากในผู้ใหญ่วัยกลางคนโรคเกาต์ส่งผลทำให้เกิดความเจ็บปวดและเกี่ยวข้องกับการอักเสบของข้อต่อแบบเรื้อรังโดยเฉพาะที่นิ้วหัวแม่เท้าผู้ที่เป็นโรคเกาต์จึงจะมีอาการบวมที่ข้อและปวดเฉียบพลันรุนแรงอาการของโรคเกาต์จะปรากฏขึ้นเมื่อมีกรดยูริกในเลือดมากเกินไปกรดยูริกเป็นของเสียที่ร่างกายสร้างขึ้นหากมีระดับที่สูงจะเกิดการสะสมที่ข้อต่อการรับประทานวิตามินจะไปช่วยลดระดับของกรดยูริกในเลือดให้ต่ำลงทำให้การสะสมที่ข้อต่อน้อยลง  5. ช่วยป้องกันการขาดธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กเป็นสารอาหารสำคัญที่สำคัญอย่างมากต่อร่างกายมันจำเป็นสำหรับการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและขนส่งออกซิเจนไปทั่วร่างกายวิตามินซีสามารถช่วยส่งเสริมการดูดซึมของธาตุเหล็กจากอาหารเช่นตับเนื้อสัตว์และหอยทะเลอีกทั้งวิตามินซียังช่วยส่งเสริมการดูดซึมของธาตุเหล็กที่ในพืชได้เพราะโดยปกติการดูดซึมธาตุเหล็กจากพืชทำได้ยากกว่าเนื้อสัตว์  6. ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน อย่างที่เราทราบกันแล้ววิตามินซีส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของเราข้อแรกคือวิตามินซีช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่าลิมโฟไซต์และฟาโกไซต์เม็ดเลือดขาวสองชนิดนี้ช่วยดักจับเชื้อโรคที่เข้ามาสู่ร่างกายของเราผ่านอวัยวะต่างๆข้อสองคือวิตามินซีช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในขณะเดียวกันก็ปกป้องเซลล์เม็ดเลือดขาวจากความเสียหายจากสารอนุมูลอิสระข้อสุดท้ายคือวิตามินซีเป็นส่วนสำคัญของการป้องกันผิวทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันของผิวจากแสงแดดหรือรอยเหี่ยว  7. ปกป้องความจำและส่งเสริมการทำงานของสมอง ภาวะสมองเสื่อมคืออาการของความคิดและความจำที่ไม่ดีมีการสำรวจพบว่าผู้คนกว่า 35 ล้านคนทั่วโลกที่เป็นผู้สูงอายุประสบปัญหาความจำเสื่อม ความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันและการอักเสบบริเวณสมอง กระดูกสันหลัง และเส้นประสาท หรือเรียกโดยรวมว่าระบบประสาทส่วนกลางสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมได้ การได้รับวิตามินซีช่วยทำให้การอักเสบบริเวณระบบประสาทส่วนกลางช้าลง NTS vitamin มีวิตามินแบบทาน Puritan’s Pride Vitamin C-500 mg with Bioflavonoids & Rose […]

เซรั่มวิตามินซี

เซรั่มวิตามินซี

วิตามินซีเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อเราอย่างมาก ไม่ใช่แค่การบำรุงภายในร่างกายเท่านั้น ทว่าวิตามินซียังสามารถบำรุงเราที่ภายนอกอีกด้วย ในอุตสาหกรรมความงามได้ใช้ประโยชน์จากวิตามินซีด้วยการสกัดออกมาให้อยู่ในรูปของเซรั่ม เซรั่มคือของเหลวที่อุดมไปด้วยโมเลกุลของสารขนาดเล็ก ซึ่งลักษณะของเซรั่มวิตามินจะบางเบากว่าเนื้อครีม และการซึมเข้าสู่ผิวก็สามารถทำได้ง่ายมากกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า ฉะนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเซรั่มวิตามินซีให้ดีกว่านี้กัน  เซรั่มวิตามินซีเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อัดแน่นไปด้วยวิตามินซีเข้มข้น เราสามารถพบเจอเซรั่มเหล่านี้ได้ทุกที่ที่เราจะซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ร้านเสริมสวย และร้านขายยา ประโยชน์ของวิตามินซีคือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันการก่อตัวของสารอนุมูลอิสระ ซึ่งจะไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินบนผิวของเรา ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวเปล่งปลั่งและเยาว์วัย ในด้านของโภชนาการนั้นวิตามินซีมีความสำคัญอย่างมาก และจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ มีบทบาทในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อของร่างกาย อีกทั้งยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ใช้ต่อสู้กับอนุมูลอิสระ เชื้อโรค ไวรัส และแบคทีเรีย ที่ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ และโรคข้ออักเสบ เราสามารถได้รับวิตามินซีผ่านทางผักและผลไม้ เช่น แคนตาลูป ส้ม บร็อคโคลี่ และถั่วงอก นอกจานี้วิตามินซีมีอยู่ตามธรรมชาติในผิวหนังของเรา หน้าที่หลักคือช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนและระดับสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้สามารถปกป้องผิวจากความเสียหายจากแสงยูวี ประสิทธิการทำงานจะเพิ่มขึ้นไปอีกหากใช้คู่กับวิตามินอี วิตามินซียังรักษาเกราะป้องกันของผิวหนัง ซึ่งป้องกันสารระคายเคืองที่สามารถทำให้เกิดอาการแพ้บนผิวของเราได้ ช่วยในการกักเก็บน้ำสำหรับความชุ่มชื้นของผิวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม  ทำไมต้องเป็นเซรั่มวิตามินซีญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าเสียดายมากว่าการรับประทานผักและผลไม้ในปริมาณเยอะๆไม่ได้มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวได้เทียบเท่ากับเซรั่มหากเราต้องการเพิ่มความกระจ่างใสของผิวเซรั่มวิตามินซีคือตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมากมีการวิจัยแสดงให้เห็นประสิทธิผลของการใช้วิตามินซีโดยพบว่าวิตามินซีช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนหลังการใช้เป็นระยะเวลา 40 วัน และผลจากการใช้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อครบ 60 วันหรือระยะเวลา 2 เดือน นอกจากจะช่วยในเรื่องความกระจ่างใสแล้ว วิตามินซียังสามารถช่วยเรื่องฝ้าและรอยดำ […]

วิตามินบี 6

วิตามิน บี6

วิตามินบี 6 คือหนึ่งในวิตามินบีที่หลาย ๆ คนคุ้นหน้าคุ้นตากัน เนื่องจากวิตามินบี 6 บ่อยครั้งถูกนำมาใส่นมที่เราดื่มกันทั่วไป โดยวิตามินบี 6 มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายของเราอย่างมาก หลัก ๆ คือช่วยรักษาโรคโลหิตจาง ฉะนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับวิตามินบี 6 ให้ดีกว่านี้กัน มาดูกันว่าเพราะอะไร ทำไมร่างกายของเราจำเป็นต้องพึ่งพาวิตามินชนิดนี้  วิตามินบี 6 คืออะไร วิตามินบี 6 หรือเรียกอีกชื่อว่าไพริด็อกซี เป็นวิตามินที่สามารถละลายน้ำได้และสามารถถูกขับออกจากร่างกายได้ภายใน 8 ชั่วโมง วิตามินบี 6 มีความสัมพันธ์กับวิตามินบี 12 เนื่องจากวิตามินบี 6 ช่วยทำให้การดูดซึมของวิตามินบี 12 ในร่างกายทำได้ดีมากขึ้น วิตามินบี 6 ถูกค้นพบในปี 1934 ผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1939 ถูกจัดให้อยู่ในรายชื่อของยาจำเป็น ที่ทางองค์การอนามัยโลกกำหนดว่าสามารถจัดซื้อหรือจำหน่ายได้ทั่วไปตามร้ายยาโดยไม่ผิดกฎหมาย ร่างกายต้องการวิตามินบี 6 เพื่อสร้างกรดอะมิโน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน โดยสร้างจากอาหารที่เรารับประทานทั่วไป เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช […]

วิตามิน บี2

วิตามิน บี2

วิตามินบี 2 เป็นหนึ่งในวิตามินที่เราไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตากัน ซึ่งจริง ๆ แล้ววิตามินบี 2 ถูกจัดอยู่ในวิตามินบี มีชื่อเรียกอีกอย่างนึงว่าไรโบเฟลวิน ไรโบเฟลวินมีหน้าที่หลัก ๆ ในการช่วยย่อยอาหารประเภทต่าง ๆ ความสำคัญของวิตามินบี 2 มีมากกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก ฉะนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับวิตามินชนิดนี้กัน มาดูกันว่าทำไมมนุษย์อย่างเราต้องการ วิตามินบี 2 คืออะไร  วิตามินบี 2 คือวิตามินที่ไม่ละลายน้ำเช่นเดียวกับวิตามินประเภทอื่น ๆ จุดประสงค์หลักของวิตามินบี 2 คือช่วยในการเจริญเติบโตของมนุษย์ โดยที่วิตามินชนิดนี้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญระดับเซลล์ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการเมตาบอลิซึมและเคตาบอลิซึม หากเราได้รับวิตามินบี 2 ไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดภาวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการระคายเคือง โลหิตจาง อ่อนเพลีย คอบวม ผิวหนังแตก เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับวิตามินบี 2 ในทุก ๆ วัน เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดและสัญญาณที่อาจจะสามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งหากเราขาดวิตามินบี 2 อย่างรุนแรงอาจจะนำไปสู่การเกิดโรคปากนกกระจอก หรือ Angular Cheilitis  ในด้านเคมีนั้นวิตามินบี 2 ยังทำหน้าที่เป้นสารให้สี […]

วิตามิน บี1

วิตามิน บี1

การรับประทานวิตามินเป็นสิ่งที่เราสมควรทำ เนื่องจากวิตามินเปรียบเสมือนสารอาหารที่สำคัญ ที่ร่างกายของเราต้องการ บนโลกนี้มีวิตามินมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือวิตามินบี เรารู้จักวิตามินในชื่อของวิตามินที่ช่วยรักษาอาการเหน็บชา แต่ทว่าความสำคัญของวิตามินชนิดนี้มีมากกว่าที่เรารู้ ฉะนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับวิตามินบี 1 กัน มาดูกันว่าทำไมเราต้องการวิตามินชนิดนี้แก่ร่ายกาย  ทำไมต้องเป็นวิตามินบี 1 วิตามินบี 1 เป็นหนึ่งในวิตามินบีแยกย่อย ซึ่งเป็นวิตามินที่ไม่ละลายน้ำและมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Thiamin วิตามินบี 1 สามารถพบได้ตามธรรมชาติ โดยวิตามินชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเจริญเติบโตและการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย วิตามินบี 1 จะถูกกักเก็บไว้ในตับของเรา ดังนั้นเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี 1 สูงเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ตับสามารถกักตุนวิตามินบี 1 ได้ในปริมาณเยอะ ๆ และสามารถเรียกเอามาใช้ในภายหลังได้ ความสำคัญของวิตามินบี 1 ต่อมนุษย์นั้นสูงมาก ในปลายศตวรรษที่ 19 ในปี 1884 แพทย์ชาวญี่ปุ่นได้สังเกตเห็นอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตที่สูงมากในหมู่ลูกเรือชาวญี่ปุ่น ที่รับประทานข้าวเพียงอย่างเดียวเป็นเวลาหลายเดือนขณะอยู่ในทะเล เมื่อได้รับอาหารที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ธัญพืช เนื้อสัตว์ ถั่ว และผัก อัตราการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตลดลงอย่างมาก ในช่วงเวลาเดียวกันนักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์สองคนสังเกตว่า ไก่ที่กินข้าวขัดขาวทำให้ขาเป็นอัมพาต ในขณะที่ไก่ที่กินข้าวกล้องไม่ขัดสี การสังเกตของพวกเขานำไปสู่การค้นพบวิตามินบี […]