Astragalus

Astragalus หรือชื่อไทยเรียกว่า อึ้งคี้ หรือ หวงฉี เป็นพืชสมุนไพรจีน ที่เราไม่คุ้นชื่อเท่าไหร่ แต่หากเราไปอ่านส่วนผสมของยาหลายประเภท พบว่าจะมี Astragalus ผสมอยู่ด้วย ซึ่งสรรคุณของพืชสมุนไพรชนิดนี้มีความโดดเด่นเลยทีเดียว สามารถรักษาและบรรเทาโรคได้หลายอย่าง ฉะนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Astragalus ให้มากขึ้น มาดูกันว่าจริง ๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ 

Astragalus คืออะไร 

Astragalus เป็นพืชขนาดใหญ่ ที่มีมากกว่า 3,000 สปีชีส์ เป็นสมุนไพรที่เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ซึ่งจัดอยู่ในตระกูลถั่ว Fabaceae และเป็นพืชสกุลที่ใหญ่ที่สุดในแง่ของพืชพรรณนา Astragalus มีถิ่นกำเนิดในเขตอบอุ่นของซีกโลก เช่น อเมริกาเหนือ Astragalus มักถูกใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน เป็นที่นิยมใช้ในประเทศจีนเพื่อรักษาโรคตับอักเสบและอาหารเสริมสำหรับโรคมะเร็ง ในสหรัฐอเมริกา คนส่วนใหญ่ใช้สมุนไพรเสริมนี้จาก Astragalus เป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันโรคหวัดและการติดเชื้อทางเดินหายใจ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่นิยมว่า Astragalus มีประโยชน์ในการรักษาโรคหัวใจ โดยปกติแล้วรากของ Astragalus จะใช้ในการเตรียมสารสกัดหรือชงชา และจะเพิ่มสมุนไพรชนิดอื่นเข้าไปด้วย เช่น ชะเอมเทศ โสม และแองเจลิกา 

ประโยชน์ของ Astragalus

Astragalus นั้นมีประโยชน์อย่างมาก ในแง่ของส่วนผสมของยา ในวงการเภสัชวิทยานิยมสกัด Astragalus ลงไปในแคปซูล หรือผสมกับยาประเภทอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของยา ซึ่ง Astragalus ให้ประโยชน์แก่เรามากมาย ดังนี้ 

เพิ่มประสิทธิภาพระบบภูมิคุ้มกันของเรา

Astragalus มีสารประกอบพืชที่เป็นประโยชน์ที่สามารถช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของเราได้ บทบาทหลักของระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ คือการปกป้องร่างกายจากผู้บุกรุกที่เป็นอันตราย เช่น แบคทีเรีย เชื้อโรค และไวรัสที่อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะไข้หวัด มีหลักฐานบางทางการแพทย์แสดงให้เห็นว่า Astragalus เพิ่มการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างกายของเรา ซึ่งเป็นเซลล์หลักของระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ ที่ทำหน้าที่ในการป้องกันโรค ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ โดยเม็ดเลือดขาวจะอยู่ทั่วร่างกาย เปรียบได้กับทหารที่คอยต่อสู้สิ่งแปลกปลอม

มีการทดลองในสัตว์ทดลองพบว่าราก Astragalus ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสในหนูที่ติดเชื้อได้ถึงแม้ว่าการทดลองนี้จะมีจำกัด แต่ Astragalus ก็อาจช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อไวรัสในมนุษย์ รวมถึงโรคไข้หวัดและการติดเชื้อในตับได้ 

ช่วยปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ

Astragalus ช่วยปรับปรุงการทำงานของหัวใจในผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โดยจะไปขยายหลอดเลือดของผู้ป่วย เพิ่มปริมาณเลือดที่สูบฉีดจากหัวใจให้มากขึ้น ซึ่งทำให้เลือดสามารถไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างทั่วถึง ในการศึกษาทางการแพทย์ในผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว โดยการได้รับ Astragalus ปริมาณ 2.25 กรัมต่อวัน วันละสองครั้ง เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ควบคู่ไปกับการรักษาแบบเดิม ผลปรากฎว่าการทำงานของหัวใจในผู้ป่วยดีขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแบบเดิมเพียงวิธีเดียว 

ในการศึกษาอื่นอื่นๆยังพบอีกว่าผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวที่ได้รับ Astragalus 60 กรัมต่อวัน ควบคู่ไปกับการรักษาแบบเดิม มีอาการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มากกว่าผู้ที่ได้รับการรักษามาตรฐานเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นการยืนยันการศึกษาทางการแพทย์ก่อนหน้านี้ว่า Astragalus สามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของหัวใจนอกจากนี้ยังการศึกษาบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า Astragalus อาจลดอาการของกล้ามเนื้อหัวใจตาย ซึ่งเป็นภาวะอักเสบของหัวใจ แต่การศึกษานี้จำเป็นต้องได้รับการศึกษาเพิ่มเติม 

บรรเทาผลข้างเคียงของเคมีบำบัดในการรักษามะเร็ง

เคมีบำบัดมีผลข้างเคียงเชิงลบมากมายจากการศึกษาบางชิ้น Astragalus ช่วยบรรเทาอาการหลังจากได้รับการฉายรังสีด้วยเคมี ให้ทุเราลงได้ ซึ่งมีได้การรับการยืนยันมากมาย ได้แก่ การศึกษาทางการแพทย์ชิ้นหนึ่งในผู้ที่ได้รับเคมีบำบัด พบว่า Astragalus สามารถลดอาการคลื่นไส้ได้ถึง 36% อาเจียน 50% และท้องเสีย 59% ในทำนองเดียวกัน การศึกษาอื่น ๆ หลายชิ้นยังได้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของสมุนไพร Astragalus ในการรักษาอาการคลื่นไส้และอาเจียนในผู้ที่ได้รับเคมีบำบัดสำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย

นอกจากนี้ผลการศึกษาทางคลินิกหนึ่งชิ้นพบว่าการฉีดสารสกัดจาก Astragalus 500 มก. เข้าเส้นเลือด 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วยให้อาการเหนื่อยล้ารุนแรง จากการรักษาด้วยเคมีบำบัดดีขึ้นได้

ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

สารออกฤทธิ์ใน Astragalus ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ความน่าสนใจจากพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่า Astragalus เป็นสมุนไพรที่ได้รับการระบุว่า ถูกสั่งบ่อยที่สุดเพื่อช่วยในรักษาโรคเบาหวานในประเทศจีน ในการศึกษาในสัตว์ทดลอง พบว่ามี Astragalus ช่วยเพิ่มการเผาผลาญน้ำตาลและลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยในเรื่องการลดน้ำหนักได้ด้วย มีตัวอย่างการศึกษาพบว่าการรับประทาน Astragalus ปริมาณ 40-60 กรัมต่อวัน มีศักยภาพในการปรับปรุงระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อรับประทานทุกวันนานถึง 4 เดือน

ช่วยในเรื่องการทำงานของไต

Astragalus ช่วยสนับสนุนการทำงานของไต โดยการปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด มีการวัดค่าโปรตีนในปัสสาวะ ซึ่งการวัดโปรตีนในปัสสาวะ สามารถบ่งชี้ได้ถึงการเผชิญกับภาวะว่าไตอาจได้รับความเสียหายหรือไม่ทำงานตามปกติ Astragalus ได้รับการยืนยันว่าช่วยลดระดับโปรตีนในปัสสาวะในบุคคลที่เป็นโรคไตได้ นอกจากนี้ยังอาจช่วยป้องกันการติดเชื้อในผู้ที่มีการทำงานของไตลดลง มีตัวอย่างการบริโภค Astragalus ปริมาณ 7.5–15 กรัมต่อวัน ทุกวัน เป็นเวลา 3 ถึง 6 เดือน สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้ 38% ในผู้ที่เป็นโรคไต

ปริมาณของ Astragalus ที่ควรบริโภค

Astragalus สามารถพบได้ในหลายรูปแบบ เช่น อาหารเสริมที่จัดจำหน่ายในรูปแบบแคปซูลและสารสกัดจากในรูปของเหลว หรือแม้แต่กระทั่งราก Astragalus บดเป็นผง ซึ่งนิยมชงเป็นชาเพื่อดื่ม บางครั้งก็นิยมต้มเพื่อทำเป็นยาปรุง เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนจีน โดยการให้ความร้อนแก่ Astragalus คือการทำให้ Astragalus ปล่อยสารที่เป็นประโยชน์ออกมา แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่มีข้อคิดเห็นอย่างแน่ชัดและเป็นทางการเกี่ยวกับรูปแบบหรือปริมาณของ Astragalus ที่มีประสิทธิผลมากที่สุด แต่โดยทั่วไปผู้คนนิยมบริโภค 9–30 กรัมต่อวันก็เป็นปกติ 

ความน่าสนใจในการบริโภค Astragalus มาจากงานวิจัย ที่แสดงให้เห็นว่าปริมาณรับประทานอาจจะขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของผู้บริโภค กล่าวคือปริมาณของ Astragalus ที่เราควรบริโภค ขึ้นอยู่กับโรคที่เรากำลังเป็นอยู่ เช่น 

ผู้ที่มีปัญหาภาวะหัวใจล้มเหลว ควรบริโภคผง Astragalus ประมาณ 2–7.5 กรัมต่อวัน วันละ 2 ครั้งนานสูงสุด 30 วัน ร่วมกับการใช้ยาตามแพทย์แผนปัจจุบัน 

ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือดควรบริโภคผง Astragalus 40–60 กรัมต่อวัน โดยอาจจะดื่มในรูปแบยของชา นานสูงสุด 4 เดือน 

ผู้ที่เป็นโรคไตควรบริโภคผง Astragalus 7.5–15 กรัมต่อวัน วันละ 2 ครั้ง นานสูงสุด 6 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ 

ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ควรบริโภคผง Astragalus 30 กรัมต่อวัน แนะนำให้ดื่มเป็นชา จิบทั้งวัน ทุกวัน 

ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ตามฤดูกาล ควรบริโภคสารสกัด Astragalus แคปซูล 80 มิลลิกรัม 2 แคปซูลทุกวัน ต่อเนื่องเป็นเวลาสูงสุด 6 สัปดาห์ 

อย่างไรก็ตามยังมีงานวิจัยพบว่าปริมาณการบริโภค Astragalus สูงถึง 60 กรัมต่อวัน นานถึง 4 เดือน ไม่ได้ส่งผลข้างเคียงร้ายแรงแต่อย่างใด แต่ข้อสรุปนี้จำเป็นต้องได้รับการศึกษาเพิ่มเติมอีกครั้ง ฉะนั้นทางที่ดีหากเราต้องการบริโภค Astragalus ควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อน 

ผลข้างเคียง 

การบริโภค Astragalus นั้นปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ เราสามารถบริโภคได้มากสูงสุดถึง 60 กรัมต่อวันถูกนานถึง 4 เดือน แต่ในกรณีที่เมื่อเราเอา Astragalus ทากับผิวหนังนั้น ยังไม่มีข้อมูลที่เชื่อถือได้เพียงพอที่จะสามารยืนยันว่าปลอดภัย ช่วยในเรื่องอะไรเพิ่มเติม หรือมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหรือเปล่า หากเราไปเจอผลิตภัณฑ์สกินแคร์บางตัวที่ใส่ Astragalus ลงไปด้วย ให้พึงนึกในใจไว้เสมอว่าไม่ควรซื้อมาใช้ ในสตรีมีครรภ์และกำลังให้นมบุตร ก็ยังมีข้อมูลที่เชื่อถือได้ไม่เพียงพอ ที่จะสามารถยืนยันได้ว่า Astragalus ปลอดภัย หากใช้ขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แต่งานวิจัยในสัตว์บางชิ้นชี้ให้เห็นว่า อาจเป็นพิษระหว่างตั้งครรภ์และส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้ ทางที่ดีคือหลีกเลี่ยงการใช้เด็ดขาด 

ในด้านของโรคที่จะสามารถเกิดขึ้นได้หากเราใช้ Astragalus โดยปราศจากความรู้และขาดการอ่านฉลากของผลิตภัณฑ์ อาจนำไปสู่โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (MS), โรคลูปัส , โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) หรือสภาวะของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องอื่น ๆ เพราะ Astragalus อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตื่นตัวมากขึ้น ก็จริงอยู่ที่ Astragalus อาจจะช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่าระบบภูมิคุ้มกันของเรา อาจจะมีความไวต่อสารที่อยู่ใน Astragalus ซึ่งอาจทำให้อาการที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องหนักขึ้น ฉะนั้นหลีกเลี่ยงการใช้ Astragalus ถ้าเราเข้าข่ายในเรื่องของโรคข้างต้น 

อ้างอิง 

Amitava Dasgupta. 2019. Antiinflammatory Herbal Supplements

. Available at: https://www.sciencedirect.com/topics/agricultural-and-biological-sciences/astragalus 

Makayla Meixner. 2018. Astragalus: An Ancient Root With Health Benefits. Available at: https://www.healthline.com/nutrition/astragalus