Arnica คือ พืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีความน่าสนใจอย่างมาก เราคงอาจจะไม่คุ้นหูเท่าไหร่ แต่ในทางประเทศแถบยุโรป Arnica ได้รับความนิยมอย่างมาก ส่วนใหญ่ก็จะถูกนำมาใส่ในยาและเวชสำอางค์ ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Arnica กัน มาดูกันว่าทำไมในวงการความงามและแพทย์จึงให้ความสนใจกัน
Arnica คืออะไร
Arnica มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Arnica montana เป็นดอกไม้ที่มีสีเหลือง และเจริญเติบโตตามเทือกเขาในยุโรปและไซบีเรีย บางครั้งมันมักจะถูกเรียกว่า “ดอกเดซี่แห่งหุบเขา” เนื่องจากลักษณะภายนอกมีความคล้ายคลึงกับดอกเดซี่ แต่ต่างกันแค่ตรงสี โดยปกติแล้ว Arnica จะใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ และอาการตึงที่เกิดจากการบาดเจ็บเล็กน้อย รวมไปถึงการออกแรงมากเกินไป เช่น การแบกกระเป๋าหนัก ๆ การทำงานนอกสถานที่ หรืออาการหกล้ม Arnica ได้รับความนิยมมากในผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุ เนื่องจาก Arnica สามารถบรรเทาอาการตึงของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับข้ออักเสบ ซึ่งเป็นอาการยอดฮิตที่เป็นกันมากในผู้สูงอายุ อาการตึงของกล้ามเนื้อไม่ได้เกิดแค่ผู้สูงอายุเท่านั้น หนุ่มสาวทั่วไปก็สามารถมีอาการดังกล่าวได้เช่นกันจากการนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์นาน ๆ และการนั่งเครื่องบินเป็นเวลานาน
สาเหตุที่Arnica montana สามารถช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อได้ เนื่องจากองค์ประกอบหลักทางเคมีที่ประกอบไปด้วย น้ำมันหอมระเหย กรดไขมัน ไทมอล pseudoguaianolide sesquiterpene lactones และ flavanone glycosides Pseudoguaianolide sesquiterpenes อีกทั้ง Arnica montana ยังมีเฮเลนาลินที่เป็นพิษและเอสเทอร์ไขมันหรือ 2,5-Dimethoxy-p-cymene และ thymol methyl ether เป็นส่วนประกอบ ซึ่งทั้งหมดนี้จะให้ฤทธิ์ออกอาการชา และเสียความรู้สึกชั่วขณะ ทำให้สามารถลดอาการอักเสบและเจ็บปวดได้
ประโยชน์ของ Arnica montana
ในการใช้Arnica montana นั้น ในทางการแพทย์ ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อรักษาอาการช้ำ ความเจ็บปวด ปวดกล้ามเนื้อหรือปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อหรือปวดข้อ แต่ Arnica montana สามารถเป็นพิษได้ ด้วยเหตุนี้จึงมักใช้ในรูปแบบของ Homeopathic ซึ่งเป็นวิธีการรักษาแบบธรรมชาติ ใช้สารเพื่อให้ออกฤทธิ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ Arnica montana ยังสามารถใช้รักษาอาการอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น
– โรคข้อเข่าเสื่อม
โรคข้อเข่าเสื่อมมักถูกเรียกว่าโรคข้ออักเสบสึกหรอเนื่องจากกระดูกอ่อนที่ปกป้องข้อต่อมีสภาพผุลงและสึกหรอตามกาลเวลาโดยทั่วไปมักรักษาด้วยยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ซึ่ง Arnica เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและธรรมชาติสำหรับ NSAIDs เนื่องจากมาจากธรรมชาติ ไม่ได้มีการสังเคราะห์โดยใช้สารเคมี ในปี 2013 นักวิจัยชาวออสเตรเลียศึกษาการทดลองเกี่ยวกับการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมโดยใช้สมุนไพร Arnica ในรูปแบบของเจล พบว่า Arnica gel ทำงานได้ดีพอ ๆ กับ Advil (ibuprofen) ซึ่งเป็นยารักษาอาการอักเสบ โดยไปลดความเจ็บปวดและปรับปรุงการทำงานของข้อต่อในผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมที่มือ
– ลดอาการช้ำจากการผ่าตัดได้
สำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลังและผ่านการผ่าตัดมาพบว่าArnica montana สามารถช่วยลดอาการช้ำได้ ซึ่ง Arnica ส่วนใหญ่จะนำมาใช้ทาหรือบริโภคเป็นอาหารเสริม ในปี 2016 มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า Arnica montana เปรียบเสมือนยาที่คล้ายคลึงกับ NSAIDs สามารถใช้ในการรักษาอาการปวดหลังผ่าตัด บวมน้ำ Ecchymosis หรือรอยจ้ำเลือดตามร่างกาย รอยฟกช้ำ เป็นต้น
– อาการเจ็บปวดขั้นรุนแรง
อาการเจ็บปวดขั้นรุนแรงมักจะเกิดการเจ็บที่กล้ามเนื้อสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากใช้กล้ามเนื้อมากเกินไปมีการศึกษาส่วนใหญ่ระบุไว้ว่าอาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายสามารถบรรเทาได้ด้วยArnica montana ดังนั้นเพื่อจุดประสงค์ในการบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อในนักกีฬาหรือผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย จึงมีการคิดค้นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Arnica montana ออกมา อีกทั้งยังมีการยืนยันว่าการใช้ Arnica montana แบบบริโภคและทาร่วมกัน สามารถช่วยฟื้นฟูการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้รวดเร็วขึ้น
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ Arnica montana
ในการคัดเลือกการเตรียมการและการเก็บรักษาของ Arnica montana มีความยุ่งยากและซับซ้อน สายพันธุ์ที่มักใช้ในทางการแพทย์คือ Chamissonis, A. longifolia และ A. gracilis Arnica ส่วนใหญ่ที่ใช้จะถูกทำการเจือจางในปริมาณมาก บางครั้งถูกเจือจางไปจนถึงระดับล้านส่วน ส่งผลให้เกิดเจล ขี้ผึ้ง และสารสกัดมีเฮเลนาลินซึ่งเป็นสารพิษ มีเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ระดับความเข้มข้นของ Arnica และปริมาณเฮเลนาลินมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับผลิตภัณฑ์ Arnica แบบผง แคปซูล และรูปแบบสำหรับการบริโภคภายในอื่น ๆ
เมื่อเรามีความต้องการซื้อ Arnica ให้มองหาแบรนด์ที่ได้รับการทดสอบโดยหน่วยงานรับรองอิสระ เช่น
องค์การเภสัชตำรับของสหรัฐอเมริกา (USP), ConsumerLab และ NSF International เพราะเราสามารถมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีความปลอดภัยและผ่านการทดสอบแล้ว และยังสามารถบอกได้ว่าในผลิตภัณฑ์มีเฮเลนาลินอยู่หรือไม่ เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่ามีการระบุชื่อ Arnica montana อยู่บนฉลากของผลิตภัณฑ์ ควรระมัดระวังผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่ามี Arnica บริสุทธิ์ ให้จำไว้เลยว่า Arnica แบบบริสุทธิ์ ที่ไม่ผ่านการเจือจาง มีความอันตรายและไม่สามารถบริโภคโดยตรงได้ อีกทั้งห้ามซื้อดอก Arnica สดเด็ดขาด ห้ามปลูก Arnica สดและใช้ทำชาหรือยาชูกำลัง เนื่องจากแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่การใช้ Arnica เองมีความปลอดภัย เราสามารถมีโอกาสได้รับเฮเลนาลินมากเกินไปจนทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย โดยส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์ Arnica montana สามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องได้ ต้องเก็บให้ห่างจากแสงแดด ห้ามใช้เกินขนาดตามที่ระบุไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์ และต้องทิ้งเลยเมื่อถึงวันหมดอายุ
ข้อควรระวังของ Arnica montana
องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้จำแนกให้ Arnica montana เป็นสมุนไพรที่ไม่ปลอดภัยเนื่องจากมีความเป็นพิษ ไม่ควรรับประทานหรือทาลงบนผิวที่บอบบางโดยตรง เนื่องจากอาจจะเกิดการดูดซึมและระคายเคืองต่อเยื่อเมือกผิวและอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องร่วง และอาเจียน อีกทั้งอาจทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบเมื่อทาลงบนผิวหนัง แต่หากเป็น Arnica ที่มีการเจือจางแล้ว ก็สามารถใช้ได้ เนื่องจาก Arnica มีประโยชน์ที่ใช้ในทางการแพทย์มากมาย
Arnica montana มีเฮเลนาลินที่เป็นพิษ ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ หากเราบริโภคดอกไม้ชนิดนี้จำนวนมากหรือใช้ Arnica ที่เข้มข้นมาก มีงานวิจัยได้พบว่าการบริโภค Arnica montana ในปริมาณความเข้มข้นสูงและปริมาณมากสามารถทำให้เกิดโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบอย่างรุนแรง เลือดออกภายในทางเดินอาหาร เอนไซม์ตับสูงขึ้น นำไปสู่โรคตับอักเสบ หงุดหงิด หัวใจเต้นเร็วขึ้น กล้ามเนื้ออ่อนแรง และเสียชีวิตได้ แต่ทว่าหากเราบริโภคเข้าไปอย่างพอดี อยู่ภายใต้ความควบคุม Arnica montana ก็จัดได้ว่าเป็นพืชสมุนไพรมหัศจรรย์ที่ทำให้ร่างกายของเรามีความสมดุลได้
สรุป
เราสามารถสรุปเลยได้ว่า Arnica เป็นสมุนไพรทางเลือก สำหรับการบรรเทาอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ ปวดตามข้อ แต่ในการใช้นั้นค่อนข้างมีข้อจำกัด และต้องถูกใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เพียงเท่านั้น ฉะนั้นก่อนตัดสินใจในการเลือกซื้อ เราจำเป็นต้องแน่ใจก่อนว่า แบรนด์ที่เราเลือกพิจารณามีความปลอดภัยจริง ๆ มีปริมาณสารพิษเฮเลนาลินในปริมาณที่น้อยหรือไม่มีเลย เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของเรา
อ้างอิง
Cathy Wong. 2021. What Is Arnica
. Available at: https://www.rxlist.com/apple_cider_vinegar/supplements.htm
R. Morgan Griffin. 2021. Arnica. Available at: https://www.webmd.com/vitamins-and- supplements/arnica