แอปเปิ้ลไซเดอร์

แอปเปิ้ลไซเดอร์

Apple cider vinegar หรือแอปเปิ้ลไซเดอร์ ซึ่งแน่นอนว่าจะมีความต่างจากน้ำส้มสายชูที่เราใช้กันทั่วไป เนื่องจากมันสามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ ได้มากมาย เช่น เอาไปทำน้ำหมักหรือน้ำสลัด เราจะเห็นตามสื่อต่าง ๆ มากมายที่เลือกใช้ Apple cider vinegar แทนน้ำส้มสายชูธรรมดา ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลกันหรือแอปเปิ้ลไซเดอร์ เพราะอะไรทำไมของเหลวชนิดนี้ถูกยกให้เป็นเครื่องปรุงสุดเฮลตี้

แอปเปิ้ลไซเดอร์ คืออะไร 

Apple cider vinegar ก็คือน้ำส้มสายชูที่ได้มากจากกระบวนการหมักจากแอปเปิ้ล ในการทำนั้นจะมีการใช้ยีสต์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยจะหมักจนได้แอลกอฮอล์ และมีการเติมน้ำตาลลงไประหว่างกระบวนการ เพื่อให้ยีสต์ได้ย่อยน้ำตาลเป็นอาหาร จากนั้น Apple cider vinegar ที่ได้จะกลายเป็นกรด Acetic Acid ให้รสชาติที่เปรี้ยวและมีความเป็นกรดสูงมาก ในการผลิต Apple cider vinegar นั้นมีการระมัดระวังเป็นพิเศษ เริ่มตั้งแต่กระบวนการบดแอปเปิ้ลไปจนถึงการหมัก เนื่องจากอาจจะมีการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ยีสต์ และราที่ไม่ต้องการได้ หากไม่มีการควบคุมปัจจัยอื่น ๆ เช่น อุณหภูมิ ระยะเวลา และความชื้นสัมพัทธ์ ทำให้ส่งผลเสียต่อผู้บริโภค แต่แน่นอนว่าในการผลิตก็มีการใช้แบคทีเรียและยีสต์ดี ซึ่งคือพันธุ์ Acetobacter หากเราทิ้งการหมัก Apple cider vinegar ไว้นาน Acetobacter จะทำปฏิกิริยากับเอทานอลมากขึ้น ทำให้มีกรด Acetic Acid สูง ความเปรี้ยวและความเป็นกรดก็จะมากขึ้น 

ในทางโมเลกุลและส่วนประกอบเราพบว่า Apple cider vinegar มีความน่าสนใจมาก เนื่องจากประกอบไปด้วย ฟลาโวนอยด์ กรดฟีนอลิก และอัลดีไฮด์จำนวนมาก ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนส่งผลดีต่อร่างกายมนุษย์ 

ประโยชน์ของ แอปเปิ้ลไซเดอร์

Apple cider vinegar มีประโยชน์ที่หลากหลายมาก ซึ่งเราพบว่าคนส่วนใหญ่นิยมใช้ไม่ใช่แค่เพื่อสุขภาพภายใน แต่เพื่อความงามเช่นเดียวกัน ฉะนั้นมาดูกันดีกว่าว่าเราสามารถใช้ประโยชน์จาก Apple cider vinegar อย่างไรได้บ้าง 

ช่วยลดน้ำหนัก

Apple cider vinegar สามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้ เนื่องจากมีแคลอรีที่น้อยมาก เราอาจจะเคยได้ยินว่า บางคนรับประทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลหนึ่งช้อนโต๊ะเพื่อกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน อีกทั้งเรายังสามารถใช้ Apple cider vinegar เพิ่มรสชาติของอาหาร แทนเครื่องปรุงชนิดอื่น ๆ ซึ่งสามารถช่วยลดแคลอรีส่วนเกินลงไปได้กว่าครึ่งเลยทีเดียว

ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีได้

มีการศึกษาในสัตว์ทดลองชิ้นหนึ่งพบว่าหนูอ้วนที่รับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์ทุกวันมีคอเลสเตอรอล LDL หรือคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีและระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลง เนื่องจาก Apple cider vinegar มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ 

ช่วยปรับปรุงระบบการขับถ่าย

Apple cider vinegar ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยอาหารได้ ช่วยลดระดับการอักเสบในลำไส้ใหญ่และเพิ่มปริมาณแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ใหญ่ได้ 

ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้

Apple cider vinegar ช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถจัดการระดับน้ำตาลในเลือดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ผลการศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า การบริโภคน้ำส้มสายชูหลังจากรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง สามารถเพิ่มความไวของอินซูลินได้มากถึง 34% และลดระดับน้ำตาลในเลือดได้

ช่วยทำให้เราอิ่มไว้

น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลสามารถช่วยให้เรารู้สึกอิ่มได้มีการศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าการบริโภค Apple cider vinegar ช่วยให้เรารับประทานอาหารน้อยลง ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก และลดไขมันหน้าท้องได้ 

ช่วยถนอมอาหารได้

น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลเป็นสารกันบูดที่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับน้ำส้มสายชูประเภทอื่นในความเป็นจริงผู้คนสมัยโบราณใช้น้ำส้มสายชูเป็นสารดองเพื่อถนอมอาหารหลักการทำงานของ Apple cider vinegar คือทำให้อาหารมีความเป็นกรดมากขึ้น ซึ่งจะหยุดการทำงานของเอ็นไซม์และฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดการเน่าเสีย

ช่วยดับกลิ่น

น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลเป็นที่รู้จักกันว่ามีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียด้วยเหตุนี้ Apple cider vinegar สามารถขจัดกลิ่นเหม็นได้ เราสามารถทดลองใช้ได้ โดยผสมน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล 1 ส่วนกับน้ำ 1 ส่วน เพื่อทำเป็นสเปรย์ดับกลิ่น ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีธรรมชาติที่ไร้สารเคมีใด ๆ อีกทั้งเรายังสามารถผสม Apple cider vinegar กับน้ำ และเกลือเพื่อแช่เท้าได้ หากใครที่มีกลิ่นเท้าแรง

สามารถเป็นน้ำยาทำความสะอาดได้

น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลมักจะถูกผสมลงไปด้วยในน้ำยาทำความสะอาดเนื่องจากมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรียเราสามารถประยุกต์ได้โดยการผสมน้ำ 1 ถ้วยกับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลครึ่งถ้วย เพื่อเช็ดทำความสะอาดภาชนะต่าง ๆ ในครัว

บรรเทาอาการเจ็บคอ

การกลั้วคอด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลสามารถทำได้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า Apple cider vinegar มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งหมายความว่ามันจะสามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้ ทั้งนี้เนื่องจากน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลมีสภาพเป็นกรดมาก เราควรมีการเจือจางก่อนการกลั้วทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้คอเกิดอาการเบิร์น

เป็นโทนเนอร์บำรุงผิวหน้า

โดยทั่วไปแล้ว แอปเปิ้ลไซเดอร์ สามารถช่วยบำรุงผิวหน้าได้ได้ เนื่องจากความเป็นกรดที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว สูตรทั่วไปคือการผสม Apple cider vinegar 1 ส่วนต่อน้ำ 2 ส่วน จากนั้นค่อย ๆ ทาหรือเช็ดลงบนผิวของเราด้วยสำลีแผ่น อย่างไรก็ตามหากเรามีผิวบอบบาง เราอาจจะต้องทำการเจือจางให้มากขึ้น

ใช้ต้มไข่เพื่อรสชาติที่ดีขึ้น 

การเติม Apple cider vinegar ลงไปในน้ำที่เราใช้ต้มหรือลวกไข่ สามารถช่วยให้ไข่ของเรามีรสชาติที่ดีขึ้นได้ เนื่องจากโปรตีนในไข่ขาวแข็งตัวเร็วขึ้นเมื่อสัมผัสกับของเหลวที่เป็นกรด ดังนั้นการใช้น้ำส้มสายชูในการต้มไข่สามารถเร่งการแข็งตัวของไข่ขาวได้ ซึ่งจะช่วยไม่ให้เปลือกไข่แตกขณะต้มหรือโดนความร้อน

ใช้ล้างผักและผลไม้

สารกำจัดศัตรูพืชตกค้างในผักและผลไม้อันตรายต่อสุขภาพเราอย่างมากการล้างอาหารด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลสามารถขจัดแบคทีเรียที่เป็นอันตรายได้เช่น E. coli และ Salmonella นั่นจึงเป็นเหตุผลที่บางคนชอบล้างผักและผลไม้ด้วย Apple cider vinegar 

ใช้ล้างผมได้

การล้างผมด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลจะช่วยขจัดสิ่งตกค้างขจัดรังแคและเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผมของเราได้เราสามารถลองผสม Apple cider vinegar 1 ส่วนกับน้ำ 1 ส่วน แล้วเทส่วนผสมลงบนผม ทิ้งไว้สักครู่ก่อนล้างออก แต่ถ้าหากเรามีผิวแพ้ง่าย ให้ทำการเจือจางอย่างอ่อน ๆ ก่อน เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีสภาพเป็นกรดค่อนข้างมาก

ใช้ทำความสะอาดแปรงสีฟันได้

การมีฟันที่สะอาดขึ้นอยู่กับแปรงสีฟันของเราว่าสะอาดแค่ไหนแอปเปิ้ลไซเดอร์มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียเราจึงสามารถใช้เป็นน้ำยาทำความสะอาดแปรงสีฟันแบบโฮมเมดได้ในการทำน้ำยาทำความสะอาดแปรงสีฟันของเราทำได้โดยการผสมน้ำครึ่งถ้วยกับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล 2 ช้อน และเบกกิ้งโซดา 2 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน แล้วราดทิ้งไว้ที่หัวแปรงสีฟันเป็นเวลา 30 นาที แต่อย่าลืมล้างแปรงด้วยน้ำสะอาดก่อนใช้งาน มิฉะนั้นความเป็นกรดของแอปเปิ้ลไซเดอร์ อาจทำให้ฟันของเราเสียหายได้

รักษาสิว

การแต้ม Apple cider vinegar เจือจางจำนวนเล็กน้อยลงบนสิวถือเป็นวิธีที่ดีในการกำจัดสิว อย่างไรก็ตามน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลที่ไม่ผ่านการเจือจางจะมีสภาพเป็นกรดอย่างแรง และการแต้มลงบนผิวหนังโดยตรงอาจทำให้เกิดแผลไหม้ได้ ฉะนั้นก่อนใช้ควรมีการเจือจางก่อน

กำจัดหูด

เช่นเดียวกับการรักษาสิวแอปเปิ้ลไซเดอร์เป็นสารธรรมชาติในการกำจัดหูดเนื่องจาก Apple cider vinegar มีสภาพความเป็นกรด ซึ่งเพียงพอสำหรับการกำจัดหูดออกจากผิวหนัง

ช่วยกำจัดหมัด

น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลช่วยป้องกันสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราจากหมัดได้การผสมน้ำ 1 ส่วนและ Apple cider vinegar 1 ส่วน แล้วฉีดพ่นลงบนสัตว์เลี้ยงของเรา เปรียบเสมือนเป็นการทำลายแหล่งที่อยู่หมัด ไม่ให้สามารถเจริญเติบโตและอยู่อาศัยได้ 

ข้อควรระวังของ แอปเปิ้ลไซเดอร์

การบริโภคน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลที่มีมากในอาหารนั้นค่อนข้างปลอดภัยแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่ไม่ผ่านการเจือจางอาจส่งผลเสียได้เมื่อทาบนผิวหนังโดยตรงหรือเมื่อรับประทานปริมาณมากในระยะยาวอีกทั้งการบริโภคน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลปริมาณมากในระยะยาวอาจทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพเช่นระบบโพแทสเซียมในร่างกายต่ำมีรายงานฉบับหนึ่งเกี่ยวกับผู้ที่มีระดับโพแทสเซียมต่ำและกระดูกผุซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนหลังจากรับประทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลปริมาณ 250 มิลลิกรัมทุกวัน เป็นเวลา 6 ปี และรายงานอีกฉบับหนึ่งกล่าวว่า มีผู้ป่วยหญิงรายหนึ่งมีเสมหะเป็นน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลอยู่ในลำคอของเธอเป็นเวลา 30 นาที และได้ทำลายเนื้อเยื่อบริเวณบริเวณลำคอ ส่งให้เกิดความเจ็บปวดในกล่องเสียงของและกลืนอาหารลำบากเป็นระยะเวลาถึง 6 เดือนจากเหตุการณ์ สาเหตุเนื่องมาจากความเป็นกรดของแอปเปิ้ลไซเดอร์ และผู้หญิงดังกล่าวบริโภคเข้าไปโดยไม่ผ่านการเจือจาง นอกเหนือจากการบริโภคแล้วยยังมีรายงานว่าการใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลลงบนผิวหนังโดยตรง ทำให้เกิดการไหม้ของสารเคมี แม้หลังจากใช้เพียงครั้งเดียวก็ตาม 

สำหรับสตรีมีครรภ์และให้นมบุตรยังไม่มีเอกสารทางการแพทย์มายืนยันเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลเป็นยาในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตรได้ฉะนั้นทางที่ดีควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อนรวมไปถึงผู้ป่วยโรคเบาหวานถึงแม้ว่าการบริโภคน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้แต่จะต้องมีการติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างใกล้ชิดและมีการปรับขนาดยาที่จำเป็นสำหรับการรักษาโรคเบาหวานควบคู่ไปด้วย

ปริมาณ แอปเปิ้ลไซเดอร์ ที่ควรบริโภคต่อวัน

จริง ๆ แล้วปริมาณของ Apple cider vinegar ที่เหมาะสมไม่ได้มีการกำหนดไว้ โดยปริมาณนั้นจะขึ้นอยู่กับบุคคลเป็นหลัก ซึ่งข้อมูลที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดชี้ให้เห็นว่า สำหรับการบริโภคแอปเปิ้ลไซเดอร์ควรมีการเจือจางก่อน ซึ่งปริมาณที่แนะนำคือ 1 ถึง 2 ช้อนชา ก่อนหรือระหว่างมื้ออาหาร ในทางกลับกันมหาวิทยาลัยวอชิงตันแนะนำว่า หากเราต้องการบริโภคน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล ควรจำกัดแค่ครั้งละ 1 ถึง 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน เนื่องจากความเป็นกรดของ แอปเปิ้ลไซเดอร์ ที่อาจจะส่งผลเสียได้ ซึ่งการบริโภคนั้นไม่จำเป็นต้องบริโภคโดยตรง อาจจะมีการประยุกต์โดยการใส่ในน้ำสลัดหรืออาหารก็ได้

สรุป

เราสามารถสรุปได้เลยว่าการใช้ Apple cider vinegar สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย เนื่องจากมีประโยชน์ในด้านต่าง ๆ มากมาย แต่มีข้อกำจัดในเรื่องของความเป็นกรด เนื่องจากหากความเป็นกรดของ Apple cider vinegar สูงเกินไป สามารถส่งผลเสียต่อเราได้ ก่อนการใช้ทุกครั้งควรจะมีการเจือจางเสมอ เพื่อสุขภาพอ

อ้างอิง 

Rxlist. 2021. Apple cider vinegar

. Available at: https://www.rxlist.com/apple_cider_vinegar/supplements.htm

Jessica Migala. 2019. Apple Cider Vinegar: Benefits, Side Effects, Uses, Dosage, and More

at: https://www.everydayhealth.com/diet-nutrition/diet/apple-cider-vinegar-nutrition-facts-health-benefits-risks-more/

Helen West. 2021. A 28 Surprising Uses for Apple Cider Vinegar

at: https://www.healthline.com/nutrition/apple-cider-vinegar-uses